{"Blue box":{"textstyle":"dynamic","textpositionstatic":"bottom","textautohide":true,"textpositionmarginstatic":0,"textpositiondynamic":"bottomleft","textpositionmarginleft":24,"textpositionmarginright":24,"textpositionmargintop":24,"textpositionmarginbottom":24,"texteffect":"slide","texteffecteasing":"easeOutCubic","texteffectduration":600,"texteffectslidedirection":"bottom","texteffectslidedistance":10,"texteffectdelay":800,"texteffectseparate":true,"texteffect1":"slide","texteffectslidedirection1":"bottom","texteffectslidedistance1":10,"texteffecteasing1":"easeOutCubic","texteffectduration1":800,"texteffectdelay1":1000,"texteffect2":"slide","texteffectslidedirection2":"bottom","texteffectslidedistance2":10,"texteffecteasing2":"easeOutCubic","texteffectduration2":800,"texteffectdelay2":1500,"textcss":"display:block; padding:8px 16px; text-align:left;","textbgcss":"display:none;","titlecss":"display:table; position:relative; font:16px Georgia,serif,Arial; color:#fff; white-space:nowrap; background-color:#00ccff; padding:10px;","descriptioncss":"display:block; position:relative; font:14px Georgia,serif,Arial; color:#00ccff; background-color:#fff; margin-top:10px; padding:10px;","buttoncss":"display:block; position:relative; margin-top:10px;","texteffectresponsive":true,"texteffectresponsivesize":640,"titlecssresponsive":"font-size:12px;","descriptioncssresponsive":"display:none !important;","buttoncssresponsive":"","addgooglefonts":false,"googlefonts":"","textleftrightpercentforstatic":40}}
ระบบสระว่ายน้ำ ปัจจุบันที่นิยมใช้ มี 2 ระบบหลักๆ คือ
- ระบบสกิมเมอร์ (Skimmer System)
ระบบสกิมเมอร์ เป็นระบบหนึ่งของสระว่ายน้ำ ระบบนี้จะมีกล่องสกิมเมอร์ ที่ยึดติดผนังสระด้านใดด้านหนึ่ง แต่ละสระอาจจะมีมากกว่า 1 กล่องก็ได้ การติดตั้งกล่องสกิมเมอร์ต้องให้สัมพันธ์กับท่อจ่ายน้ำเข้าสระด้วย ส่วนมากท่อจ่ายและท่อน้ำเข้าจะยึดติดข้างผนังสระ ท่อจ่ายและท่อน้ำเข้าจะอยู่ตรงข้ามกัน การเติมน้ำในสระระบบนี้ให้อยู่ในระดับครึ่งปากกล่องสกิมเมอร์ จะเหมาะสมที่สุด ระบบนี้ไม่ต้องพักน้ำ ทำให้เราประหยัดน้ำ และราคาค่าก่อสร้างจะถูกกว่าระบบ Over Flow ปัจจุบันระบบ Skimmer ได้พัฒนาให้ใช้งานง่ายขึ้น ไม่ต้องเดินท่อ แค่ติดตั้งไว้ที่ขอบสระก็ทำงานได้เลย
แต่ระบบนี้จะมีข้อเสีย คือ ฝุ่นตะกอนอยู่ที่ผิวน้ำมาก และตกตะกอนที่ก้นสระมาก ทำให้การดูแลรักษายุ่งยากและเสียเวลา และส่งผลทำให้สระดูไม่สวยงาม
- ระบบน้ำล้น (Over Flow Systems)
ระบบน้ำล้นเป็นระบบที่นิยมมากที่สุดในโลกในปัจจุบัน เพราะการดูแลรักษาง่าย จึงส่งผลทำให้สระว่ายน้ำมีความสวยงาม น่าลงเล่นน้ำ โดยระบบจะนำน้ำไปบำบัด โดยการทำให้น้ำล้นออกมายังรางน้ำล้นข้างสระ แล้วนำไปพักไว้ที่ถังพักน้ำ (Surge Tank) ก่อนจะปั๊มน้ำไปผ่านเครื่องกรองน้ำ ทำให้ผิวสระว่ายน้ำดูตึงสวย สระว่ายน้ำระบบนี้ จะมีเกตติ้งรอบสระ และมีแทงค์ของสระว่ายน้ำ
ระบบบำบัดน้ำในสระที่นิยมใช้มีอยู่ 3 ระบบ คือ
- ระบบคลอรีน
เป็นระบบฆ่าเชื้อโรคที่มีราคาถูก และนิยมมากที่สุด มีทั้งเป็นแบบของเหลว และเป็นเม็ดผง วิธีใช้คือค่อยๆละลายลงสระว่ายน้ำ แต่จะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ เมื่อค่า PH ในน้ำอยู่ระหว่าง 7.2-7.8 หากค่า PH สูง หรือน้ำในสระมีค่าความเป็นด่างมาก ก็จะต้องเติมกรดลงไปก่อน และหากน้ำในสระมีค่า PH ต่ำหรือมีค่าความเป็นกรดสูง จะต้องเติมสารที่เป็นด่างจำพวก Buffer หรือ Soda ash เพื่อปรับค่า PH ในน้ำก่อน แต่คลอรีนอาจจะมีผลทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหนังได้ ดังนั้นการละลายคลอรีนจึงต้องทำในช่วงเย็นหลังจากที่ใช้สระเสร็จแล้ว และต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง
- ระบบเกลือ
เป็นระบบที่ฆ่าเชื้อโรคด้วยเกลือ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวหนังของเรามีความชุุมชื้นอีกด้วย แต่มีราคาการติดตั้งจะค่อนข้างสูง โดยน้ำในสระจะมีความเป็นด่างทำให้น้ำในสระมีรสกร่อยเพียงเล็กน้อย เสียค่าใช้จ่ายเพื่อดูแลรักษาหลังจากนั้นประมาณ 500-1,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับขนาดของสระ
- ระบบโอโซน
เป็นระบบที่นำเอาก๊าซโอโซน ซึ่งผลิตจากเครื่องอัดอากาศ มาบำบัดน้ำในสระ มีประสิทธิภาพสูง สามารถฆ่าเชื้อโรคในระยะเวลาอันสั้นกว่าระบบอื่นและไม่มีสารเคมีทุกชนิดตกค้างในน้ำ แต่มีราคาค่าติดตั้งค่อนข้างสูง ระบบโอโซนเป็นระบบฆ่าเชื้อโรคที่มีศักยภาพสูงมาก เมื่อน้ำที่ผ่านโอโซนได้ผ่านการฆ่าเชื้อโรคเรียบร้อยแล้ว น้ำที่สะอาดจะลงสู่สระว่ายน้ำ ระบบนี้มีข้อเสียคือ ขณะที่น้ำอยู่ในสระจะไม่มีการฆ่าเชื้อโรค จนกว่าน้ำจะกลับมาผ่านโอโซนอีกครั้ง ดังนั้น เมื่อมีเชื้อโรคจากมนุษย์ หรือจากแหล่งต่างๆ ลงสู่สระว่ายน้ำในห้วงเวลาที่ยังไม่ได้ผ่านโอโซน เพื่อฆ่าเชื้อโรคครั้งใหม่ (ประมาณ 3-6 ชม.) เชื้อนั้นจะยังคงปะปนอยู่ในสระว่ายน้ำ ทำให้เกิดโรคติดต่อแก่ผู้ที่เล่นน้ำในสระเดียวกันได้ ต่อเมื่อน้ำในสระได้กลับมาผ่านเครื่องฉีดโอโซนอีกครั้ง เชื้อโรคจึงจะถูกทำลาย ดังนั้น ในบางประเทศจึงมีกฎหมายสำหรับสระว่ายน้ำสาธารณะ ห้ามใช้ระบบโอโซนอย่างเดียว ต้องใช้ควบคู่กับระบบอื่น (เช่น ใช้คลอรีน หรือน้ำเกลือ) เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในสระว่ายน้ำ
จากการเปรียบเทียบ ระบบสระว่ายน้ำ ทั้ง 3 ระบบ ระบบบำบัดน้ำสระว่ายน้ำที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้ คือ ระบบน้ำเกลือ โดยประเทศออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศที่มีสระว่ายน้ำมากที่สุดในโลก ใช้ระบบเกลือมากกว่า 90% ของสระว่ายน้ำทั้งหมด